Diversity marketing คือการตลาดที่คำนึงถึงความหลากหลาย เป็นแนวคิดทางการตลาดที่ออกแบบและสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยคำนึงถึงแนวคิดของความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายด้าน เพศ ภาษา วัฒนธรรม ซึ่งเมื่อก่อนการที่แบรนด์จะทำการสื่อสารการตลาดแบบ “one size fit for all” เป็นสิ่งที่ยังพอจะทำได้ แต่กับสมัยปัจจุบันที่ผู้ใช้หรือคนมีการคำนึงและเรียกร้องถึงความเท่าเทียมมากขึ้น การตลาดที่คำนึงถึงความแตกต่าง และสื่อสารออกไปให้หลากหลายและเฉพาะกลุ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกแนวคิดที่แบรนด์ต้องปรับใช้นั่นเอง
หมวดหมู่ต่างๆ สำหรับความหลากหลายที่คุณควรคำนึงถึง ได้แก่:
อายุ
เพศ
ความพิการ
รูปร่าง
ศาสนา
เชื้อชาติ
เอกลักษณ์ส่วนตัว
รสนิยมทางเพศ
ภาษา
การศึกษา
สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
Diversity marketing ให้ประโยชน์อะไรต่อแบรนด์
1.ปรับปรุงภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์
Diversity marketing เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาชื่อเสียงของแบรนด์และพิสูจน์ให้ผู้ชมเห็นว่าคุณใส่ใจผู้คนทุกประเภท แบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่หลากหลายทำให้เป็นรากฐานที่สำคัญของแบรนด์ของพวกเขาและเป็นที่จดจำได้ง่ายว่าเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายและครอบคลุม ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับการรับรู้ในเชิงบวกและสร้างข้อความหลักของแบรนด์เกี่ยวกับการยอมรับ
2.เข้าถึงกลุ่มผู้คนได้กว้างและหลากหลายยิ่งขึ้น
เมื่อผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมและชุมชนต่างๆ รู้สึกว่าแบรนด์ของคุณเป็นคำนึงหรือให้ความสำคัญในการสื่อสารถึงพวกเขา ก็มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมกับคุณมากขึ้น การลงทุนในการทำ Diversity marketing ยังช่วยขยายการเข้าถึงได้อีกด้วย ด้วยการกระจายไปยังกลุ่มต่างๆ ผู้ชมใหม่ของคุณจะช่วยปรับปรุงการมองเห็นแบรนด์ของคุณและเกิดการบอกต่อปากต่อปาก(word of mouth)เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
3.เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ในช่วงอายุต่างๆได้มากขึ้น
Millennials และ Gen Z นั้นทำการตลาดได้ยาก โดยทั่วไปแล้วคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยมี brand loyalty ที่สูงมากนัก ทำให้งบโฆษณาที่ส่งไปยังกลุ่มนี้มีราคาสูง Diversity marketing จึงเป็นแนวทางทางการตลาดที่ทำให้คุณสามารถดึงดูดผู้ชมที่อายุน้อยกว่าเหล่านี้และช่วยเพิ่มชื่อเสียงแบรนด์ของคุณในหมู่ผู้ซื้อรายใหม่ได้
ตัวอย่างแคมเปญของ Diversity marketing
1. Guinness's "Friendship"
แคมเปญ "Friendship" ของ Guinness ซึ่งเริ่มในปี 2013 ซึ่งคร่าวๆในวิดีโอจะเป็นกลุ่มคนที่เล่นบาสเก็ตบอลอย่างสนุกสนาน แต่พอเล่นเสร็จแล้วทุกคนกลับยืนขึ้นแบบปกติ เหลือไว้เพียงชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น ซึ่งแคมเปญนี้สื่อให้ถึงว่า "ความสัมพันธ์ของมิตรแท้ ไม่มีเส้นแบ่งแม้ว่าเพื่อนจะมีความพิการทางร่างกายก็ตาม" โฆษณานี้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของข้อความทางการตลาดที่ครอบคลุม และเป็นโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะออกอากาศ
2. Chevrolet's "The New Us"
แคมเปญ The New Us ของเชฟโรเลตในปี 2014 เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของแนวคิดดังกล่าว
มุ่งเป้าไปที่กลุ่ม LGBTQ+ เป็นโฆษณารายการแรกในสหรัฐอเมริกาที่เชื่อมโยงครอบครัว LGBT กับแบรนด์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นความก้าวหน้าในแนวคิด Diversity marketing ในขณะนั้น และนำไปสู่การได้รับความโปรดปรานจากกลุ่มประชากรเป้าหมายในตัวแบรนด์
1. "America is Beautiful" ของ Coca-Cola
Coca-Cola's America คือแคมเปญที่สวยงามที่เริ่มในปี 2014 โฆษณาที่เกี่ยวข้องรวมถึงนักแสดง
ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติร้องเพลง "America the Beautiful" หลาย
ภาษา โฆษณาซึ่งเริ่มต้นด้วยการออกอากาศในช่วงซูเปอร์โบวล์ในปีนั้น ทำให้เกิดบทสนทนาเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของอเมริกา และวิธีที่แบรนด์เป็นตัวแทนของมาตรฐานทางวัฒนธรรม
ที่ทุกคนแบ่งปัน
บทสรุปเกี่ยวกับ Diversity marketing
นโยบายการทําตลาดแบบ ONE SIZE FITS ALL หรือ การเหวี่ยงแหให้ครอบคลุมผู้บริโภคแบบเหมารวมอย่างเดิมๆ จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้อย่างทั่วถึงอีกต่อไป
ผู้บริโภคที่มีรากฐานวัฒนธรรมแตกต่างกัน ก็จะมีค่านิยม ประสบการณ์ความคาดหวัง และการตอบรับที่ แตกต่างกันไปด้วย ต่อให้อยู่ในกลุ่มวัฒนธรรมเดียวกันเองก็ตาม
หลักการตลาดแบบหลากหลาย หรือ DIVERSITY MARKETING จึงถูกนํามาปรับใช้กับการทําตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่มีทางเลือกสําหรับใช้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีความแตกต่างกัน
Comentarios